• 16 April 2024 11:59

THE FLOWS Thailand

นำเสนอข่าวสาร ทุกสารพันข่าว ข่าวการเมืองเข้ม

ไทยยังจับตา!! โอมิครอน หลังกระจาย 89 ปท. ทั่วโลก หลายพื้นที่เตรียมปรับมาตรการรับคนเข้าประเทศ…เฮ!! ฉีดวัคซีนครบ 100 ล้านโดสแล้ว

Bytheowneroftheflows

Dec 20, 2021

ไทยยังจับตา!! โอมิครอน หลังกระจาย 89 ปท. ทั่วโลก พบผู้ติดเชื้อกลับจากตะวันออกกลาง ติดโอมิครอน หลายพื้นที่ ห่วงเชื้อไม่แสดงอาการ เตรียมปรับมาตรการ รับคนเข้าประเทศ ป้องกันเชื้อ เฮ!! ฉีดวัคซีนครบ 100 ล้านโดสแล้ว

เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 20 ธ.ค. 2564  ที่ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. ทำเนียบรัฐบาล พญ.สุมนี วัชรสินธุ์ ผู้อำนวยการสำนักสื่อสารความเสี่ยงและพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพ กรมควบคุมโรค ในฐานะผู้ช่วยรองโฆษก ศบค. กล่าวว่า สำหรับสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนว่า องค์การอนามัยโลกได้เปิดเผยข้อมูลการแพร่ระบาดเชื้อโอมิครอนในปัจจุบันกระจายไปแล้ว 89 ประเทศ และมีการระบาดเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าภายในระยะเวลา 3 วัน ขณะที่สถานการณ์ประเทศต่างๆ อาทิ สหรัฐอเมริกามีการระบาดแล้ว 36 รัฐ ประเทศเนเธอร์แลนด์ มีการประกาศล็อกดาวน์ช่วงเทศกาลคริสมาสต์และปีใหม่ ประเทศฝรั่งเศส งดรับนักท่องเที่ยวจากสหราชอาณาจักร สำหรับตัวเลขการเดินทางเข้าราชอาณาจักร หากเปรียบเทียบการเดินทางเข้าในเดือนพฤศจิกายน มีทั้งสิ้น 133,061 คน ขณะที่เดือนธันวาคม ตั้งแต่วันที่ 1-19 ธ.ค. มีทั้งสิ้น 160,445 คน และภาพรวมผู้ติดเชื้อในส่วนนี้มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยในเดือนพ.ย. มีผู้เติดเชื้อ 0.13% เดือน ธ.ค. มีผู้ติดเชื้อไปแล้ว 0.22% โดยผู้เดินทางเข้าประเทศวันที่ 19 ธ.ค. มีทั้งสิ้น 13,664 คน พบผู้ติดเชื้อ 42 ราย แบ่งเป็นกลุ่มเทสต์ แอนด์ โก 24 ราย ระบบกักตัว 11 ราย และระบบแซนด์ บ็อกซ์ 7 ราย ทั้งนี้ ผู้ติดเชื้อทั้ง 42 ราย มาจากสหราชอาณาจักรมากที่สุด 9 ราย รองลงมาคือ สหรัฐอเมริกา 6 ราย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 4 ราย ซึ่งทั้ง 42 ราย ส่วนใหญ่ไม่มีอาการ การตรวจเชื้อแบบ RT-PCR มีความจำเป็น และการกักตัวเพื่อสังเกตมีความสำคัญอย่างมาก

พญ.สุมณี กล่าวว่า ขณะที่การพบเชื้อโอมิครอนในประเทศไทย ที่มีรายงานเพิ่มเติมวันนี้ เป็นคลัสเตอร์ที่รายงานจากสาธารณะสุขจังหวัดนทบุรี เชื่อมโยงไปถึงจังหวัดปทุมธานี พระนครศรีอยุธยา นครราขสีมา กทม. โดยรายเอียดเป็นผู้เดินทางไปประกอบพิธีกรรมทางศาสนาที่ประเทศซาอุดิอาระเบีย ทั้งสิ้น 31 ราย ช่วงต้นเดือน ธ.ค. โดยเดินทางกลับถึงไทย วันที่ 15 ธ.ค. ตรวจพบเชื้อวันที่มาถึง 14 ราย มีเชื้อโอมิครอน 6 ราย เชื้อเดลตา 8 ราย ตรวจพบเชื้อเพิ่มเติมอีก 2 รายในวันที่ 19 ธ.ค.และตรวจพบเชื้อเพิ่มอีก 2 ราย ในวันที่ 20 ธ.ค.โดย 4 รายหลังอยู่ระหว่างรอการยืนยันสายพันธุ์ ทำให้กลุ่มนี้พบผู้ติดเชื้อรวมทั้งสิ้น 18 ราย นอกจากนี้ ยังพบผู้ติดเชื้อสายพันธุ์โอมิครอนที่เป็นคู่สามีภรรยาจากประเทศไนจีเรีย ที่เดินทางเข้าไทยวันที่ 26 พ.ย. ก่อนการประกาศมาตรการห้าม 8 ประเทศกลุ่มเสี่ยงจากทวิปแอฟริกาเข้าประเทศ โดยทั้งคู่เขาสู่ระบบแซนด์บ็อกซ์ โดยวันที่ 4-7 ธ.ค. สามีชาวโคลัมเบีย มีอาการไข้ เจ็บคอ จึงตรวจหาเชื้อแบบ ATK ผลเป็นลบ แต่ยังคงมีอาการจึงตรวจแบบRT-PCR ในวันที่ 7 ธ.ค. ผลเป็นบวก จึงเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาล จากนั้นวนที่ 10 ธ.ค. ภรรยาชาวไทย ได้ไปตรวจแบบ RT-PCR ผลเป็นบวกเช่นกัน ซึ่งวันเดียวกันนั้นการตรวจหาสายพันธ์ุของสามียืนยันเป็นโอมิครอนและมีการสอบสวนผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 1 ราย ผลตรวจ RT-PCR เป็นลบและสัมผัสเสี่ยงต่ำ 83 ราย ทั้งหมดไม่มีอาการใดๆ ขณะนี้อยู่ระหว่างติดตามอาการทั้งหมด โดยหญิงรายดังกล่าวถือเป็นการติดเชื้อภายในประเทศรายแรก

ขณะเดียวกัน ยังมีคลัสเตอร์ จ.นราธิวาส 3 ราย เป็นผู้เดินทางกลับมาจากประกอบพิธีกรรมทางศาสนาที่ประเทศตะวันออกกลางเข้าประเทศทางสนามบินภูเก็ต ในระบบเทสต์ แอนด์ โก โดยเป็นเป็นผู้ติดเชื้อสายพันธุ์โอมิครอน 1 ราย สายพันธุ์เดลตา 3 ราย และมีผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 4 ราย สัมผัสเสี่ยงต่ำ 126 ราย ทั้งหมดอยู่ระหว่างกักตัวตรวจอาการ นอกจากนี้ ยังมีการรายงาน จากสำนักงานควบคุมโรค เขต 11 เป็นผู้เดินทางเข้าประเทศที่สนามบินภูเก็ต เมื่อวันที่ 13 ธ.ค. 4 ราย และสนามบินสมุย วันที่ 15-16 ธ.ค. 3 ราย ที่มีทั้งชาวต่างชาติและคนไทย โดยทั้ง 7 รายตรวจแบบRT-PCR พบเป็นบวกตั้งแต่วันแรกที่มาถึง และยืนยันเป็นสายพันธุ์โอมิครอน ทั้ง 7 คน

พญ.สุมณี กล่าวต่อว่า กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ได้รายงานสถานการณ์การเฝ้าระวังสายพันธุ์โควิดในประเทศไทย ระหว่างเดือน เม.ย. ถึงวันที่ 19 ธ.ค. พบว่ามากที่สุดยังเป็นสายพันธุ์เดลตา 68.67% สายพันธุ์อัลฟา 29.79% เบตา 1.41% และโอมิครอน 0.13% หากดูเฉพาะสัปดาห์ที่ผ่านมาวันที่ 11-19 ธ.ค. จะพบว่าสายพันธุ์เดลตา 96.61 % สายพันธุ์โอมิครอน 3.26% และจากการสุ่มตรวจ 1,595 ตัวอย่างทั่วประเทศ พบเป็นเดลตา 96.61% โอมิครอน 3.26% และหากแยกย่อยในพื้นที่กทม.จะพบว่าเป็นเดลตา 81.1% โอมิครอน 18.3% และในส่วนภูมิภาค เป็นเดลตา 98.6% โอมิครอน 1.3% โดยกาาคาดการณ์การระบาด กรณีคนในประเทศไม่มีภูมิคุ้มกันเลย ผู้ติดเชื้อสายพันธุ์เดลตา 1 คน  แพร่เชื้อได้ 6.5 คน สายพันธุ์โอมิครอน 1 คน แพร่เชื้อได้ 8.5 คน แต่จากข้อมูลผู้ติดเชื้อโอมิครอน ผู้ป่วยหนักและนอนโรงพยาบาลไม่สูงกว่าเดลตา โดยองค์การอนามัยโลกได้ให้ข้อมูลว่าการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นจะเพิ่มภูมิคุ้มกันเชื้อโอมิครอนได้มากขึ้น สรุปแล้วสถานการณ์สายพันธุ์โอมิครอนในไทย คล้ายกับสถานการณ์โลกที่พบผู้ติดเชื้อมากขึ้น ผู้ติดเชื้อทุกรายในประเทศไทยยังผูกโยงกับผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ โดย 1 ใน 4 ของผู้ติดเชื้อที่ผู้เดินทางมาจากต่างประเทศเป็นสายพันธุ์โอมิครอน ดังนั้น การยกระดับการบริหารจัดการนักท่องเที่ยวที่เข้ามาในประเทศต้องมีการปรับอย่างแน่นอน โดย ศบค. ชุดเล็ก จะพิจารณาเพื่อเสนอ ผอ. ศบค.พิจารณาในที่ประชุม ศบค. ว่าจะมีการยกระดับอย่างไรบ้าง อีกทั้งเชื้อสายพันธุ์โอมิครอน ยังมีกรณีที่ตรวจไม่พบผลเป็นบวกก่อนเดินทาง เมื่อมาถึงไทยผลก็ยังเป็นลบแต่เมื่อออกจากระบบวันที่ 3-4 ถึงมีอาการ และตรวจพบผลเป็นบวก ดังนั้น การเข้าประเทศแบบ เทสต์ แอนด์ โก ต้องมีการจัดการให้ตรวจจับได้มากขึ้นอาจต้องปรับระบบไปเป็นการติดตามการตรวจแบบ RT-PCR หรือต้องกักตัวเป็นระยะเวลาเพิ่มขึ้น ส่วนจะใช้เวลาเท่าไหร่คงต้องติดตามมาตรการต่อไป  

อย่างไรก็ตาม การฉีดวัคซีนในประเทศไทย ข้อมูลวันที่  19 ธ.ค. เวลา 21.30 น. ฉีดเพิ่มได้ 94,426 โดส ทำให้มียอดรวมสะสมอยู่ที่ 100,054,961 โดส ถือว่าฉีดได้ครบ 100 ล้านโดสตามเป้าหมายที่วางไว้

#การเมือง #TheFLOWsข่าวสาร #Theflowsthailand.com

#โควิด19 #ศบค #โอมิครอน #ฉีดวัคซีน #กรมควบคุมโรค

Loading

Facebook Comments Box

Related Post

ประธานสมาพันธ์สตรีทำความดีแห่งประเทศไทย เข้าร่วมประชุมในงาน Eastern Bangkok Region สสทท ณ เขตมีนบุรี กรุงเทพฯ
พยากรณ์อากาศประเทศไทยตอนบนอากาศเย็นถึงหนาวกับมีหมอกในตอนเช้า ภาคอีสานเตรียมหนาวอีกครั้งในวันที่ 27 – 29 ธ.ค. โดยอุณหภูมิจะลดลง 1–3 องศาเซลเซียส
TCEB ภาคเหนือ จัดโปรแกรมพิเศษ Fam Trip ขึ้นเหนือทีเดียวครบทั้งเที่ยวทั้งประชุม จ.พิษณุโลก MICE City วันที่ 22-24 ธันวาคม 2564

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Social Share Buttons and Icons powered by Ultimatelysocial