• 29 March 2024 00:01

THE FLOWS Thailand

นำเสนอข่าวสาร ทุกสารพันข่าว ข่าวการเมืองเข้ม

อภิปรายไม่ไว้วางใจวันที่ 3 เหลือเวลาซักฟอก 32 ชั่วโมง ฝ่ายค้านใช้ไปแล้ว 21 ชั่วโมง ยังเน้น ประยุทธ์-อนุทินไปแล้ว 21 ชั่วโมง

วันที่ 2 กันยายน 2564 ที่ผ่านมา สมบูรณ์ อุทัยเวียนกุล เลขานุการประธานสภาผู้แทนราษฎร แถลงข่าวถึงรายงานสรุปเวลาอภิปรายไม่ไว้วางใจว่า ในการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจตลอดทั้ง 2 วันที่ผ่านมา ประธานสภาผู้แทนราษฎรใช้เวลาไปแล้ว 53 นาที 11 วินาที คงเหลือเวลา 1 ชั่วโมง 6 นาที 49 วินาที คณะรัฐมนตรีใช้เวลาไปแล้ว 2 ชั่วโมง 55 นาที 16 วินาที คงเหลือเวลา 11 ชั่วโมง 4 นาที 44 วินาที พรรคร่วมรัฐบาลใช้เวลาไปแล้ว 29 นาที 36 วินาที คงเหลือเวลา 2 ชั่วโมง 24 วินาที และพรรคร่วมฝ่ายค้านใช้เวลาไปแล้ว 21 ชั่วโมง 29 นาที 31 วินาที คงเหลือเวลา 18 ชั่วโมง 30 นาที 29 วินาที รวมเวลาในการอภิปรายไม่ไว้วางใจทั้ง 2 ครั้งที่ผ่านมาใช้เวลาไปแล้วทั้งสิ้น 25 ชั่วโมง 47 นาที 34 วินาที และเวลาที่เหลือตลอดการอภิปรายไม่ไว้วางใจอยู่ที่ 32 ชั่วโมง 42 นาที 26 วินาที

โดยเลขานุการประธานสภาผู้แทนราษฎรกล่าวว่า ประธานสามารถควบคุมให้สมาชิกอภิปรายได้ตามญัตติและเป็นไปตามข้อบังคับการประชุม และเป็นไปตามเวลาที่ตกลงกันไว้ว่า ฝ่ายค้านต้องอภิปรายอย่างน้อย 10 ชั่วโมงต่อวัน ก่อนที่จะลงมติในวันที่ 4 กันยายนนี้ ผ่านมาของโค้งสุดท้ายแล้วการ “อภิปรายไม่ไว้วางใจ” รัฐบาล ผลสุดท้าย อาจไม่สมใจ “ฝ่ายค้าน” แม้ชุมนุมกดดันก็ไม่มีผลอะไร แต่อาจมีใครได้รับประโยชน์  อาจไม่สมใจ “ฝ่ายค้าน”  นับแต่เสียงระฆังเคาะ 31 สิงหา – 4 กันยา มีการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรี  นัดลงมติวันที่ 4 ฝ่ายค้านแค่ตามมาขยี้ซ้ำแผลเก่าเจ้าประจำ อย่างพลเอกประยุทธ์ นายอนุทิน และนายศักดิ์สยาม

การปรับครม.ครั้งที่ผ่านมา เห็นได้ชัดเจนว่า กลุ่มสี่ช. ไม่มีใครสมหวัง ไม่ว่าจะเป็นนางนฤมล ภิญโญสินวัตน์       หรือ ร.อ.ธรรมนัส  ล้วนต้องการจะอัปเดต โดยเฉพาะอย่างยิ่งคราวนี้ มีตำแหน่งเลขาธิการพรรค ค้ำคอ จะให้นั่งตำแหน่งรมช.คงไม่สมศักดิ์ศรี ขณะที่แก๊งสี่ช. ในพรรคพลังประชารัฐ  หลังจากนาย สันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง พลาดเป้าจากเก้าอี้เลขาธิการพรรค ตามคำอ้างไฟเขียวจากผู้ใหญ่ ทั้งที่สัญญากันไว้ทำให้ปัจจุบันแก๊งนี้ เหลือกันอยู่แค่สามช. เท่านั้น

การอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้าน ที่มุ่งเปิดจุดเปราะบาง ภายในรัฐบาล ผ่านการประสานงานจากคนคุ้นเคยกันในสองพรรคใหญ่ ทั้งเพื่อไทยและพลังประชารัฐ  เป้าหมายใหญ่ยังเป็น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แต่เป้าหมายที่มุ่งโจมตี คือกระทรวงแรงงาน และกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ส่วนการอภิปรายไม่ไว้วางใจ เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ร.อ.ธรรมนัส ได้รับคะแนนไว้วางใจสูงเป็นลำดับที่ 2 เท่ากับคะแนนของพล.อ.ประวิตร ถือว่าไม่ธรรมดา ประสานได้ทั้งพรรคเล็กพรรคใหญ่ เก็บชัยชนะมาทุกสนามเลือกตั้งซ่อม ที่สำคัญยังมีบทบาท สยบทุกปัญหาพรรคร่วมขนาดเล็ก และคราวนี้ก็เช่นกัน คะแนนพรรคร่วมขนาดเล็กราวสามสิบเสียง เพียงพอจะก่อให้เกิดการขยับปรับเก้าอี้ รัฐมนตรีได้

ส่วนเป้าหมายจะให้เกิดความเปลี่ยนแปลงรัฐบาล แม้แต่นายแพทย์ ชลน่าน ก็ยังยอมรับว่า มีโอกาสน้อยมาก ต้องยอมรับว่าความเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้นหรือไม่ บรรดาพรรคเล็ก พรรคน้อย ซึ่งรวมกันแล้วราวสามสิบเสียง คือ คำตอบสุดท้ายของการอภิปรายไม่ไว้วางใจคราวนี้ หากนายกรัฐมนตรี ไม่ได้รับเสียงสนับสนุนตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด มีสองทางให้เลือก คือยุบสภา หรือลาออก แต่หากรัฐมนตรีคนใดได้รับคะแนนเสียงไม่ถึงมีทางเดียวคือพ้นจากตำแหน่งและต้องปรับคณะรัฐมนตรี หรือแม้จะผ่านการอภิปรายไปได้ แต่ถ้าใครได้คะแนนน้อย งานนี้มีหนาว ส่วนการนัดชุมนุม ของกลุ่มคาร์ปาร์ค กลุ่มทะลุแก๊ส กดดันนอกสภา ถ้าไม่ใช้วิธีแบบที่เคยประณามเขามา  ก็เปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้   สุดท้ายการอภิปรายคราวนี้จบ แต่มีใครบางคนอาจจะเจ็บ การปรับ ครม.ก็ได้

#การเมืองก๋ากั่น

#TheFlowsข่าวสารการเมือง

#ข่าวสารการเมือง

Loading

Facebook Comments Box

Related Post

‘ชนะศักดิ์’ อัดเด็กหน่อยไร้มารยาท ย้อนกลัว ‘แรมโบ้’ เป็นส.ส.ขวางแก้กม.ทำลายสถาบันหรือ
‘สามารถ’ ประกาศขอเดิมพัน หาก’เพื่อไทย’ยกเก้าอี้ประธานสภาให้’ก้าวไกล’ ตนจะยอมโกนหัว!
‘น้องแรมโบ้’ ฟาดกลับ ‘ตรีชฎา’ กวาดบ้านตัวเอง ก่อนจุ้นบ้านนายกฯบิ๊กตู่

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Social Share Buttons and Icons powered by Ultimatelysocial