วันที่ 28 สิงหาคม 2564 นายสิระ เจนนาคะ ได้เดินทางไปที่จังหวัดนครสวรรค์ ที่บ้านของพ่อผู้ต้องหา คดี ผกก.โจ้ เพื่อสอบถามถึงปัญหาที่เกิดขึ้น และก่อนที่จะเข้าพบกับพ่อผู้ต้องหา นายสิระ เจนนาคะ ได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวที่มาดักรอทำข่าว ซึ่งนายสิระ ได้สาธิตการคลุมถุงใส่น้องซึ่งเป็นผู้ช่วย ส.ส. และได้กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ผกก.โจ้ ได้กลับมารับราชการใหม่ และมีความเจริญเติบโตล้ำเพื่อนๆ ในรุ่นด้วยซ้ำ ล้ำรุ่นพี่ เพราะสารวัตรโจ้มีความสัมพันธ์กับผู้ใหญ่ ใกล้ชิดหรือว่าที่ลูกเขยผู้บัญชาการตำรวจภูธร ภาค 6 ตามที่เป็นข่าวและมีภาพด้วย

ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า ข่าวว่าเคยออกจากราชการ เป็นเรื่องอย่างไรคะ

นาย ส.ส.สิระ กล่าวว่า ก็เป็นเรื่องในลักษณะนี้ และได้กลับมารับราชการใหม่

จากนั้นคุณสิระได้ตอบคำถามที่ถามว่าไปเจอข้อมูลที่ไหน ปีไหน จากตามประวัติ ไม่ทราบว่าปีไหน แต่ได้กลับมารับราชการใหม่ และเรื่องของพฤติกรรมเช่นนี้ และมีเหตุสงสัย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของทนายที่มีคลิป และไม่ส่งมอบให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และมีเหตุสงสัยที่ทนายบอกว่ามีคลิปตำรวจชั้นนายพล ระดับรองผู้บัญชาการ แต่เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ไม่ไปดำเนินคดี ไม่ไปดำเนินการ ตามกฎหมาย คนเหล่านี้ผมขอใช้คำว่า “ลากคอ” ดำเนินคดี ข้อหาละเว้นการดำเนินคดี และอยากถามทนายที่ว่า รองผู้บัญชาการตำรวจคนไหน นายพลคือใคร มีหลักฐาน มีข้อมูลแต่ไม่ไปดำเนินการ ซึ่งเป็นประเด็นหนึ่ง

ส่วนประเด็นที่สองคือ ทนายเก็บหลักฐานไว้ ประชาชน พลเมือง มีหน้าที่ต้องส่งให้กับราชการ ทำไมไม่ส่ง มีเหตุอะไร ตามที่เป็นข่าวหรือไม่ และเรื่องของการแถลงข่าวของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ผมคนตาคลี เป็นคนนครสวรรค์ ผบ.ตร.ทำอย่างนี้ได้อย่างไร ตามระเบียบมีไหม และเวลาที่นักข่าวถาม เป็นประเด็นทำให้ความจริงปรากฎ กลัว ผกก.โจ้ พูดออกมาแล้วเสียเปรียบหรือไม่  แต่เวลาที่ ผกก.โจ้ สัมภาษณ์ เอาบุญคุณกับคนนครสวรรค์ ทั้งที่ทำให้คนตาย ปล่อยให้สัมภาษณ์ทวงบุญคุณ ผบ.ตร.ทำได้อย่างไร คนอย่างนี้หรือจะทวงบุญคุณ คนนครสวรรค์ ทำให้คนตาย แล้วอ้างว่าช่วยคนนครสวรรค์

ผู้สื่อข่าวได้ถามอีกว่า กรณีพฤติกรรมกับการกระทำของคุณโจ้ หรือนายโจ้ ที่ไม่ได้เข้าห้องขัง นอนห้องแอร์ และไม่ได้เฉียดในห้องขังเลย ในมุมมองของคุณสริระ มันยุติธรรม มันเลื่อมล้ำไหม ทั้งๆ ที่ 5-6 คนที่ถูกจับเหมือนกัน สถานะผู้ต้องหาทุกคนอยู่ในห้องขัง

ทางนายสิระ ได้กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องมีการตรวจสอบ แต่ผมขอแนะนำสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีอนุสาวรีย์ มีตำรวจอุ้มเด็กน้อย สร้างอนุสาวรีย์อีกที่หนึ่ง หรือตั้งว่า ผบ.ตร.อุ้มเทพบุตรโจ้ หน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติเลยดีไหม ทำนองนี้แหละ ผมใช้คำนี้ ไปตีความเอาเองว่า การแถลงข่าวครั้งนั้น ถึงการปฏิบัติกับผู้ต้องหารายนี้ ผู้ต้องหาฆ่าคนตาย ถามว่าเจตนาหรือไม่ ถ้าใครบิดเบือนว่าไม่เจตนานะ มาดู (ผมให้ดู) โดยการนำเอาถุงดำ มาคลุมน้อง ผู้ช่วย ส.ส. ซึ่งนายสิระได้บอกว่า การมีถุงดำ เพื่อไม่ให้เห็นหน้า ดัน ถีบ กด บีบคอ รัด

ในขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวได้ถาม น้องผู้ช่วย ส.ส. ว่าตอนนี้น้องเป็นไงบ้างคะ จากคำตอบที่ได้ยินจากปากบ่งบอกว่า น้องนั้นเริ่มจากถุงแรกไม่รู้สึกอะไร แต่พอสวมหลายๆ ใบ เริ่มมีอาการหายใจไม่ออก ยิ่งโดนกดดัน ยิ่งทำให้มีความกลัว ซึ่งนายสิระได้กล่าวว่า อย่างนี้เขาเรียกว่าเจตนาไหม เล็งเห็นผลทำให้ตายด้วยการขาดอากาศหายใจ และได้ถามน้องผู้ช่วย ส.ส. อีกว่า เห็นหน้าไหม คำตอบที่ได้คือ มองไม่เห็นนั้นเอง

นอกจากนี้นายสิระ ยังกล่าวต่ออีกว่า ขนาดเอาถุงดำคลุมแค่หลวมๆ ยังหายใจไม่ค่อยสะดวก ยิ่งใช้หลายใบและกดด้วย ยิ่งทำให้ทรมาน หายใจไม่ออก

และก่อนที่นายสิระ จะได้รับอนุญาตเข้าไปพบกับพ่อของผู้ต้องหานั้น นักข่าวได้สอบถามว่าวันนี้จะคุยอะไรกับเขา นายสิระ ได้ชี้แจงประเด็นว่า อยากถามว่าต้องการให้เราช่วยอะไรหรือเปล่า และจะถามว่าทำไมถึงปล่อยผู้หญิง เรื่องนี้ทำไมปล่อยแฟนผู้ต้องหา ทั้งที่ร่วมกัน อีกทั้งการจับกุมไม่ได้มีการบันทึกเป็นสำนวนด้วย

นายสิระ ได้เข้าไปพบกับพ่อผู้ต้องหาในบริเวณบ้าน โดยห้ามนักข่าวเข้าไปด้วย ทั้งนี้ได้มีนายสิระ ท่าน สว.และ สจ.เข้าไปร่วมพูดคุยสอบถามประเด็นต่างๆ ทั้งนี้ได้มีผู้สื่อข่าวฝากคำถามกับนายสิระ เพื่อสอบถามกับพ่อของผู้ต้องหาว่า วันนั้นที่ถูกจับมีของกลางอยู่หรือไม่ ถูกจับจริงไหม และของกลางหายไปไหน และทำไมไม่บันทึกการจับกุม และการปล่อยตัวมีเงื่อนไขอะไรบ้าง  และยังย้ำว่ารบกวนช่วยเคลียร์ประเด็นคำถามให้ด้วย แต่ผลการพูดคุยจะเป็นอย่างไรนั้นค่อยติดตามอีกครั้ง

#การเมืองก๋ากั๋น

#TheFlowsข่าวสารการเมือง

#ข่าวสารการเมือง