การเมืองที่เร่าร้อน หลากหลายพฤติกรรมการแสดงออก ไม่ว่าจะเป็นม็อบบ้านทะลุฟ้า ม็อบทะลุแก๊ส Car ม็อบ ไม่เว้นแต่ละวัน ปลุกกระแสเดือด สะเทือนถึงรัฐบาล ยิ่งประเด็นร้อนเรื่องเกี่ยวกับวัคซีน ประเดประดังเข้ามา ยิ่งทำให้รัฐบาลเกิดความสั่นคลอน เก้าอี้ร้อนแทบนอนไม่หลับ ลุกลามไปถึงการอภิปรายนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอีก 5 กระทรวง ล้วนแต่เกี่ยวเนื่องกับการบริหารราชการที่ล้มเหลว เป็นเช่นนั้นจริงหรือไม่?

เดือนสิงหาคมถือว่าร้อนฉ่า ทั้งที่จริงเป็นช่วงหน้าฝน ควรจะเป็นความเย็นฉ่ำ แต่ถึงอย่างไรจุดเดือดของการเมืองจะคลี่คลายไปทิศทางใดนั้น มีเหตุหลายปัจจัยที่จะทำให้สถานการณ์ที่เป็นอยู่ทุเลาหรือระอุขึ้นมา เริ่มจากม็อบรายวัน ที่แกนนำต่างออกมาคุยโวโอ้อวดว่า “เรามาอย่างสันติ ไร้อาวุธ” ใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญเรียกร้องประชาธิปไตย แต่ไหงกลับกลายเป็นประท้วงที่มากด้วยการปะทะ ยิง ปาระเบิด จุดประทัด เผา หรือว่าเราอยู่ท่ามกลางสมรภูมิป่าเถื่อน และล้อมรอบไปด้วยการต่อสู้ที่ต่างเรียกร้องความสันติ ต่อสู้ด้วยใจ  เหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นไม่ต้องอธิบายให้รกพื้นที่ มีแต่ภาพที่เกี่ยวเนื่องเห็นทุกอย่างของการกระทำ ยิ่งแพร่ออกไปสู่ภายนอกผ่านโลกโซเชียล ยิ่งเกิดข้อกังขาว่านี่หรือคือประเทศไทย

การเรียกร้องสิทธิของกลุ่มต่อต้านอย่าง กลุ่มทะลุฟ้า หรือแม้แต่กลุ่มทะลุแก๊ส หรือกลุ่ม Car ม็อบ ก็ดี ยิ่งสร้างความปั่นป่วนไปทั่วบ้านทั่วเมือง สร้างความเดือดร้อนให้ประชาชนที่อยู่ในละแวกสามเหลี่ยมดินแดง ที่ทุกเย็นจะต้องมีเหตุการณ์เผา ป่วนเมือง ส่งเสียงดัง เป็นชนวนให้เกิดการสลายการชุมนุม ใช้แก๊สน้ำตา ลูกกระสุนยาง ยิงขู่ผู้ชุมนุม แต่ฝ่ายที่ไม่เห็นด้วย หรือกลุ่มม็อบก็สร้างข่าวปลอมหรือที่เรียกกันว่า Fake News ใส่ร้ายป้ายสีเจ้าหน้าที่ตำรวจ อีกอย่างคือการฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ทำให้ทาง บชน.ต้องเข้าควบคุมกระชับพื้นที่ เลี่ยงที่จะปะทะหากไม่จำเป็น แต่ทุกอย่างไร้ผล มีการยั่วยุให้เจ้าหน้าที่ต้องใช้มาตรการพิเศษ สิ่งเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงความก้าวร้าว ของม็อบ บ้าดีเดือด

ส่วนประเด็นที่ร้อนฉ่าไม่ต่างกันคือ การความล่าช้าของวัคซีนที่ผู้ผลิตไม่อาจรับปากได้ว่า จะกำหนดส่งได้เมื่อไหร่ และการแบ่งปันจัดสรรที่ไม่ลงตัวของแต่ละหน่วยงานความรับผิดชอบ นำมาให้เกิดประเด็นถกเถียง และมีการชักใยล้มการประมูลชุดตรวจ ATK เพื่อให้ได้กลุ่มของตนเอง ที่มีการตั้งข้อสังเกตเรื่องการประมูลที่สูงกว่าผู้อื่น

ส่วนการอภิปรายงบประมาณปี 2565 ที่ผ่านวาระ3 มีบางพรรคที่ไม่เห็นด้วย และพยายามตัดงบประมาณส่วนพระองค์ อย่างที่เป็นข่าว และมีการโต้แย้งเกิดขึ้น ทำให้วุ่นวายไปทั้งรัฐสภา

รัฐบาลชุดนี้ ภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ต้องแบกรับภาระอันหนักอึ้ง ที่จะสร้างความกลมเกลียวให้เกิดขึ้น การแก้ปัญหาเรื่องโควิด -19 และการเปิดประเทศ ปัญหาคาราคาซังที่รอวันแก้ไข ยังเป็นประเด็นทางการเมือง ทำให้ฝ่ายค้านยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ ทำให้ทุกสายตาจับจ้อง มองถึงความอยู่รอดของรัฐบาลชุดนี้ หรือจะมีอะไรเกิดขึ้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ขออย่ากระพริบตา